จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้ทั้งเมืองเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่มีอะพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งที่สามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้ นี่คือพล็อตหลักของ Concrete Utopia หนังเกาหลีฟอร์มยักษ์ที่ต้นฉบับคือเว็บตูน สู่หนังใหญ่ที่ขนดารามาไว้แบบแน่นจอทั้ง อีบยองฮอน, พัคซอจุน และพัคโบยอง ซึ่งตัวหนังเองก็ทำรายได้อย่างสวยงามในเกาหลี หลังจากเข้าฉายใน 7 วันแรกก็มียอดผู้ชมมากถึง 2 ล้านคน จนกลายเป็นหนังเกาหลีที่มีผู้ชมซื้อตั๋วเข้าไปดูในโรงเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ เป็นรองเพียง The Roundup : No Way Out และ Smugglers เท่านั้น รวมไปถึงได้รับเลือกให้เข้าฉายในคืน Gala Night ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต และมีการขายสิทธิ์ในการฉายไปแล้วมากถึง 152 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยที่ สหมงคลฟิล์ม คว้าสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายมาได้
Concrete Utopia เล่าถึงวินาทีแรกหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กลางกรุงโซล ทำให้เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เหลือเพียงซากปรักหักพัง ยกเว้นอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่อยู่รอดได้ ทำให้สถานที่แห่งนี้ กลายเป็นที่พำนักของทั้งผู้อยู่อาศัยเดิม และผู้รอดตายในบริเวณนั้น แต่เมื่อสิ่งประทังชีวิตเริ่มลดลง อาหารใกล้จะหมด พลังงานต่างๆไม่เหลือใช้ กลุ่มเจ้าบ้านจึงเริ่มรวมตัวกันเพื่อเลือกผู้นำ โดยมี ยองทัก (รับบทโดย อีบยองฮอน) ชายหนุ่มที่เสียสละเพื่อส่วนรวมได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า มีมินซอง (รับบทโดย พักซอจุน) ข้าราชการหนุ่มเป็นหัวหน้าทีมรักษาความสงบ โดยมี มยองฮวา (รับบทโดย พักโบยอง)ภรรยาของเขาที่เป็นนางพยาบาลคอยดูแลอยู่ห่างๆ โดยเริ่มมีการตั้งกฏใหม่ขึ้นมา เมื่อเหล่าผู้อยู่อาศัยโหวตให้คนนอกตึกต้องออกไป ทำให้เกิดการปะทะครั้งแรก และกลุ่มคนนอกต้องไปเผชิญความหนาวเหน็บท่ามกลางซากเมือง การอยู่รอดคนผู้อยู่อาศัยเริ่มค่อยๆยากลำบากมากขึ้น เมื่อชาวตึกต้องทั้งรักษาฐานที่มั่นนี้ไว้ให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องออกไปสำรวจโลกภายนอก เพื่อหาอาหารมาประทังชีวิต
แม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นหนังภัยพิบัติ จากฉากแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ที่ไม่มีใครหนีพ้น นำไปสู่หนังเอาตัวรอด เรื่องราวของมนุษย์ที่ต้องอาศัยอยู่ให้ได้ท่ามกลางซากปรักหักพัง แต่แก่นแท้ของ Concrete Utopia คือหนังการเมืองแบบเต็มสูบ ทุกอณูของหนังเรื่องนี้ล้วนเล่าถึงการเมืองการปกครองและการแสวงหาอำนาจ อีกทั้งยังเล่าถึงสันดานดิบของมนุษย์เมืื่อถึงจุดที่ต้องเอาชีวิตรอด หลายคนก็ได้เผยด้านที่ทั้งน่ากลัวและอันตรายของตนออกมา หนังเรื่องนี้เหมืิอนเล่าถึงประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่ โดยจำลองอะพาร์ตเมนต์หลังนี้เป็นอาณาเขตและผู้อยู่อาศัยคือประชาชน หนังค่อยๆฉายถึงภาพการก่อตั้งประเทศ การวางระบบการปกครอง การขึ้นสู่อำนาจของผู้นำ โดยแต่ละตัวละครก็เป็นตัวแทนของประชาชนที่มีมุมที่แตกต่างกัน บ้างก็เป็นประชาชนที่ยึดความเชื่อแบบเดิม บ้างก็ถูกปั่นหัวจนเชื่อตามผู้นำ บ้างก็เป็นคนชนชั้นสูงที่ตีสนิทกับผู้มีอำนาจทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ บ้างก็เป็นคนชายขอบที่ถูกมองข้าม มีกระทั่งคนต่างสัญชาติที่ถูกขับไล่ออกจากประเทศแห่งนี้ หนังทั้งเรื่องแทบจะจำลองภาพเหล่านี้อย่างชัดเจน ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไปยังจุดสูงสุด
ความน่าสนใจคือ เชื่อว่าผู้ชมจะได้เคยดูหนังแนวดิสโทเปียมามากมาย โดยเฉพาะฮอลลีวูด แต่ส่วนใหญ่เลือกจะเล่าถึงจุดล่มสลายของผู้ครองอำนาจ อย่างใน The Hunger Games หรือ Divergent เราจะเห็นภาพของสังคมที่มีระบบระเบียบในแบบของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับ Concrete Utopia เลือกที่จะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ DAY 1 ในวันแรกของการล่มสลายของสังคมแบบเดิม มันกลายมาเป็นสังคมแบบใหม่ได้อย่างไร ผู้นำขึ้นมาเป็นผู้ที่มีอำนาจได้อย่างไร ทำไมประชาชนจำนวนไม่น้อยถึงยอมให้คนๆนี้ ขึ้นมามีอำนาจจนเกิดระบบการปกครองแบบใหม่ขึ้นมาได้ หนังทั่วไปไม่ค่อยเล่าสเต็ปนี้เท่าไหร่นัก ทำให้หนังค่อนข้างมีความแตกต่างจากหนังดิสโทเปีย แม้ว่าพอดำเนินเรื่องไปซักพัก ผู้ชมอาจเดาเรื่องได้ไม่ยาก แต่นี่คือหนังที่เล่าโลกการปกครองของดิสโทเปีย ได้ในทุกสเต็ปทุกขั้นตอนแบบค่อนข้างครบถ้วน ทำให้เห็นภาพรวมได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ
โดยรวมแม้ว่า Concrete Utopia จะมีความเป็นหนังภัยพิบัติหรือหนังเอาตัวรอดอยู่พอสมควร แต่ถ้าดูผ่านมุมมองแบบการเมือง ก็น่าจะยิ่งได้อรรถรสมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสองตัวละครของ อีบยองฮอน และพักซอจุน ที่จะได้เห็นถึงพัฒนาการของสองตัวละครนี้แบบชัดเจนมากที่สุด ฉายภาพคนบางกลุ่มในสังคมได้อย่างชัดเจน หลายฉากจะเห็นถึงสันดานดิบของมนุษย์แบบไม่ประนีประนอม นี่น่าจะเป็นหนังอีกเรื่องที่หลังจากดูเสร็จแล้ว สามารถตั้งคำถามกับการกระทำของตัวละครได้ในหลายสถานการณ์ ถ้าหยิบนำมาถกเถียงต่อ น่าจะได้มุมมองที่หลากหลาย กับเหตุการณ์เดียวกัน เชื่อว่าผู้ชมแต่ละคน น่าจะคิดไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ทำให้นี่คือหนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างสนใจ
ชมตัวอย่าง Concrete Utopia เข้าฉาย 31 สิงหาคมในโรงภาพยนตร์