ตดเหม็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาจจะมีอันตรายกับลำไส้

HEALTHY LIFESTYLE

ตดเหม็นไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาจจะมีอันตรายกับลำไส้

13 ม.ค. 2023

ตดเหม็นอันตรายไหม 
การผายลม หรือ การตด ฟังดูแล้วเป็นเรื่องน่าอาย และน่าขบขันไม่น้อย แต่มันก็เป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย ในการขับไล่ลมหรือแก๊สผ่านลำไส้ใหญ่เท่านั้นค่ะ ทุกครั้งที่เรากินอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งพูดคุยทั่วไป เรากลืนอากาศเข้าไปด้วย การตดในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่หลายคนก็ยังคงมีข้อข้องใจว่า ตดบ่อยแค่ไหนเรียกว่าปกติ? ตดดัง และเหม็นเป็นสัญญาณอันตรายเกี่ยวกับสุขภาพหรือไม่? บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาการผายลมเหล่านี้เองค่ะ

 

ตดบ่อยแค่ไหน เรียกว่าปกติ?
            โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีร่างกายอุดมสมบูรณ์และแข็งแรงดี จะตดประมาณ 14 - 23 ครั้งต่อวัน เมื่อใช้เกณฑ์นี้เป็นตัววัดแล้ว การผายลมที่มากกว่า 23 ครั้งภายในหนึ่งวันถือว่าผิดปกติค่ะ โดยความผิดปกตินี้อาจเกิดจากการรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊สในร่างกายมากเกินไป เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ชีส กระหล่ำปลี หัวหอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม หรืออาจเกิดจากภาวะความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งภายในร่างกาย

การผายลมบ่อยมากเกินไปนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกสุขภาพภายในได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาวะหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการผายลมมีด้วยกันดังนี้ค่ะ

 • โรคมะเร็งลำไส้
 • โรคลำไส้แปรปรวน
 • ระบบดูดซึมอาหารทำงานผิดปกติ
 • การแพ้อาหารที่มีส่วนประกอบของแลคโตส (lactose) เช่น นมวัวและโยเกิร์ต
 • ภาวะที่เกี่ยวของกับกระเพาอาหาร เช่น การที่อาหารเป็นพิษ

            เราควรหมั่นนับจำนวนครั้งที่เราผายลมในแต่ละวัน เพื่อสังเกตการทำงานที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้ หากมีการผายลมที่บ่อยครั้งเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สได้ง่าย แต่หากยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และหาทางแก้ไขอย่างเร็วที่สุดนะคะ

 

ตดดังและตดเหม็น อันตรายหรือไม่?
การผายลมที่มีเสียงดัง เกิดจากการที่แก๊สถูกขับออกมาด้วยแรงดันอากาศหรือแรงเบ่งที่สูงมาก หรืออาจเกิดจากการที่แก๊สต้องแทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดที่บีบตัวแน่น เสียงที่มาพร้อมกับการผายลมจึงไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติอะไร

            ส่วนกลิ่นตดนั้น ขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่แล้วอาหารจำพวกโปรตีนจะก่อให้เกิดแก๊สที่มีกลิ่นเหม็นมาก เช่น อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่ ชีส และนม รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆด้วย อีกทั้งแก๊สเหล่านี้ต้องเดินทางผ่านลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาหาร และกากอาหารที่ถูกย่อยสลายแล้ว จึงมีกลิ่นเหม็นเป็นธรรมดาและไม่ถือว่าเป็นสัญญาณของความผิดปกติของสุขภาพแต่อย่างใด

            ในแพทย์แผนจีนการที่ตดบ่อย และมีกลิ่นเหม็นมากๆนั้น คืออาการของลำไส้ กระเพาะอาหาร ม้ามทำงานไม่ดี กลิ่นเหม็นยิ่งมาก มักจะมาจากความร้อนชื้น การที่จะลดความร้อนชื้นได้นั้น เราไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์เยอะ ไม่รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน พยายามดื่มน้ำมากๆ ก็อาจจะช่วยลดอาการตดเหม็นได้ค่ะ

                        
ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม

Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

ไม่อยากเป็นเกาต์ ให้เค้าดูแลสิ

01 มี.ค. 2022

ไม่อยากเป็นเกาต์ ให้เค้าดูแลสิ

โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดจากผลึกของ Monosodium Urate Monohydrate ตกตะกอนในข้อ ซึ่งมีผลมาจากกรดยูริก ซึ่งเป็นผลผลิตของกระบวนการเมตาบอลิสซึ่มของสารพิวรีน (Purene metabolism) ฟังแล้วอาจจะงง แต่ถ้า พิวรีนสูงมากจนตกตะกอนเป็นผลึกของยูเรทสะสมตามข้อต่อเนื้อเยื่อ รอบๆ ข้อและไต ทำให้พบผลึกนี้ในเม็ดเลือดขาวของน้ำไขข้อจากการเจาะข้อที่กำลังอักเสบได้เลยนะคะโรคเกาต์เป็นโรคปวดข้อเรื้อรังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงส่วนมากพบในผู้ชายอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เพราะผู้ชาย ชอบกินเหล้า กินเบียร์ จริงๆ แล้วการขับยูริกในผู้หญิงจะดีกว่าผู้ชายส่วนผู้หญิงพบได้น้อย ถ้าพบมักจะเป็นหลังวัยหมดประจำเดือนค่ะปวดเกาต์ ปวดแรกๆมักจะเป็นเพียงข้อเดียว ข้อที่พบส่วนมาก จะเป็นนิ้วหัวแม่เท้า ส่วนข้อเท้า ข้อเข่า ก็อาจพบในผู้ป่วยบางราย ข้อจะบวมและเจ็บมากจนเดินไม่ไหว ผิวหนังในบริเวณนั้นจะตึง เอาหลังมือไปวัดจะร้อนและแดง ขณะที่เดินอาการ เริ่มทุเลา ผิวหนังบริเวณนั้นจะลอกและคันได้ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการปวดในช่วงตอนกลางคืน และมักจะเป็นหลังดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง หรือ หลังกินเลี้ยง โต๊ะจีนมื้ออาหารที่กินมากกว่าปกติ หรือ เดินสะดุด บางครั้งอาจมีอาการขณะมีภาวะความเครียดทางจิตใจก็อาจจะทำให้ปวดได้ค่ะถ้าปวดเกาต์ข้อที่ปวดจะมีลักษณะ บวม แดง ร้อน อาจมีไข้ร่วมด้วย บางรายอาจมีตุ่มขึ้นใสๆ หรือมีน้ำไหลออกมา ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจะทำให้เกิดภาวะข้อพิการ นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจทำให้มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะแทรกซ้อนตามมาได้และเป็นโรคไตในที่สุดค่ะนอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยโรคเกาต์มักมีโอกาสเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และภาวะหลอดเลือดแดงแข็งมากกว่าคนปกติ และหากไม่ได้ควบคุมโรคเหล่านี้ ในที่สุดก็อาจกลายเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองตีบและไตวายได้นะคะ1. อาการปวดจาก ลม-ชื้น-ร้อนอาการอักเสบเฉียบพลัน มักเกิดเวลากลางคืนมีไข้ร่วม กระหายน้ำ แน่นหน้าอกปวดหัว เหงื่อออก ปัสสาวะเข้ม ท้องผูก- อาการโรคเกาต์ตามกลุ่มอาการลมร้อนชื้น ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ แก้ปวด ขับร้อน ขับชื้น สลายลมร้อน2. อาการปวดจาก ลม-เย็น-ชื้น ข้อบวม อักเสบ เคลื่อนไหวข้อลำบาก มีก้อน Tophiถ้าลมเยอะตำแหน่งข้อที่อักเสบจะเปลี่ยน ถ้าความเย็นมาก จะปวด อักเสบมากและเป็นเฉพาะบางที่ ถ้าความชื้นมาก ข้อจะหนัก ไม่เปลี่ยนตำแหน่ง ร่วมกับอาการชาร่วมด้วย- อาการตามกลุ่มลมเย็นชื้น และม้ามพร่อง ทานยาสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณ แก้ปวด สลายลมเย็น ขับชื้น อุ่นเส้นลมปราณ บำรุงม้าม3. อาการปวดจากเสมหะอุดตันเป็นระยะข้ออักเสบเรื้อรัง ข้อผิดรูป มีก้อน Tophi มากจนทะลุออกมา ผิวหนังเปลี่ยนสีลิ้นซีดและใหญ่หรือเป็นสีม่วงคล้ำ มีตำรับยาสมุนไพรจีนต่างๆ หลายตำรับสำหรับอาการปวดบวมแต่ละชนิด- อาการโรคเกาต์ตามกลุ่มอาการเสมหะอุดตัน ทำการฝังเข็มตามจุดเส้นลมปราณที่มีสรรพคุณ แก้ปวด สลาย และขับเสมหะฝังเข็มตามกลุ่มอาการ ทำการฝังเข็มปรับสมดุลร่างกายตามกลุ่มอาการต่างๆ ลดเสมหะ ขับลม ลดร้อน หรือลดเย็น ขึ้นอยู่กับหัตถการของแพทย์แต่ละท่านถ้ารู้ว่าเป็นเก๊าต์หรือยูริกสูง ควรปฏิบัติตัวยังไง เรามีคำแนะนำจากแพทย์แผนจีนมาฝากค่ะ1. ควรดื่มน้ำสะอาดให้ปริมาณเพียงพอ เพื่อป้องกันนิ่วในไต2. กรณีอ้วน ควรลดน้ำหนักลงทีละน้อย ไม่ควรลดแบบหักโหมฮวบฮาบ เพราะอาจทำให้มีการสลายตัวของเซลล์รวดเร็วเกินไป และมีการสร้างกรดยูริก ทำให้ข้ออักเสบกำเริบได้ค่ะ3. ควรงดแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์4. ควรระวังอย่าให้ข้อกระดูกได้รับบาดเจ็บ5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่ปลา ปลาซาร์ดีน หอย กะปิ อาหารที่มียีสต์ และยอดผักชนิดต่างๆสมุนไพรที่ช่วยลดการเกิดเก๊าต์1.ลูกเดือยสรรพคุณของลูกเดือยนั่นก็คือ ช่วยขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน ขับความชื้นบำรุงสุขภาพ บำรุงไต ม้าม บำรุงเลือดลม อีกทั้งยังบรรเทาอาการโรคเก๊าต์ จากความร้อนชื้น ได้อีกด้วย วิธีใช้ ต้มเป็นน้ำ กินได้ทั้งเนื้อและน้ำค่ะ2.เห็ดหลินจือมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูการทำงานของไต และลดการอักเสบของไต เมื่อไตทำงานดีขึ้นทำให้ไตสามารถขับกรดยูริคออกจากร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งควบคุมอาหารที่มีสารพิวรีนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้บรรเทาอาการได้ดียิ่งขึ้น ชงเป็นชาก็ได้นะคะ3.ขมิ้นชันจัดเป็นสมุนไพรประจำบ้านสรรพคุณครอบจักรวาล ซึ่งขมิ้นชันช่วยลดอาการอักเสบ ลดอาการปวดข้อ ทำให้อาการปวดข้อลดลง เป็นผลดีต่อคนเป็นเกาต์ วิธีใช้ ใช้ทานเป็นอาหาร หรือทานสด4.ชาตะไคร้ใบเตยนำตะไคร้ 4 - 5 ต้น ใบเตย 2 - 3 ใบ ล้างน้ำให้สะอาด นำไปต้มในน้ำ ปิดฝาประมาณ 30 นาที ดื่มแทนน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ ช่วยล้างกรดยูริคในกระแสเลือด แต่การทานสมุนไพรนี้มีผลให้ปัสสาวะบ่อยนะคะ“ไม่อยากเป็นเกาต์ ให้เค้าดูแล” แต่ถ้าไม่มีใครเทคแคร์ เราก็ต้องดูแลตัวเองนะคะทุกคน ด้วยความปรารถนาดีจาก Green Wave ค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

ไอแบบนี้ ปอดเป็นอะไร?

27 ม.ค. 2022

ไอแบบนี้ ปอดเป็นอะไร?

ไอแบบนี้ ปอดเป็นอะไร?ปอดไม่แข็งแรง หลายคนมีปัญหาแบบนี้ หลายคนมีอาการไอ แต่หาสาเหตุไม่เจอ วันนี้มีคำแนะนำจากแพทย์แผนจีนเรื่องของปอด ทำยังไงให้ปอดแข็งแรง ลองมาดูกันเลยค่ะปอดเย็น1.ไอเป็นประจำ2.มีน้ำมูกตอนเช้า3.เสมหะในลำคอมาก4.อ่อนเพลียง่าย5.คันตามผิวหนัง6.ไม่สบายบ่อยมารู้จักปอดเย็น หลายคนมีปัญหานี้ ส่วนใหญ่จะมีอาการภูมิแพ้ง่าย ไม่สบายบ่อยแพทย์แผนจีนแนะนำ น้ำขิงตอนเช้าทุกวัน บำรุงปอด ให้ปอดแข็งแรงค่ะปอดร้อน1.ไอเป็นประจำ2.เจ็บคอเป็นประจำ3.เสมหะเหลือง4.เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว5.สิงที่หน้าและหลัง6.ขับถ่ายยากคนที่ปอดร้อน มักจะมีโรคของต่อมทอมซินอักเสบเป็นประจำ อาการติดโควิด มักมีอาการ เจ็บคอง่าย เสมหะเหลือง มีสิวขึ้นที่หลัง และที่หน้า ขับถ่ายยาก คอแห้งปากแห้งแพทย์แผนจีนแนะนำ เก๊กฮวย ดอกสายน้ำผึ้ง แบะตงหล่อฮังก๊วย จับเลี้ยง จะทำให้ชุมคอ ลดการอักเสบ ลดการเจ็บคอได้ค่ะปอดแห้ง1.ไอแห้ง2.คอแห้ง ดื่มน้ำมาก3.เสมหะเหลือง มีเลือด4.ผิวหนังแห้งกร้าน5.เลือดกำเดา6.ขับถ่ายยากเลือดกำเดาไหล มีแต่คนคิดว่าร้อนใน ปอดแห้ง หรือปอดร้อนก็มีโอกาสทำให้เลือดกำเดาไหลง่าย เพราะความแห้งไม่มีความชุ่มชื้น จึงทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตก หลายคนจะมีอาการไอแห้ง ๆ ชอบดื่มน้ำ เสมหะเหนียว มีเลือดบ้าง ผิวหนังแห้งกร้าน ขับถ่ายยากแพทย์แผนจีนแนะนำ สมุนไพรจีน เก๊กฮวย หล่อฮังก้วย จับเลี้ยง แปะตง ใบย่านาง สามารถลดความร้อน ทำให้ปอดเย็น ลดการเกิดของเลือดกำเดาได้ค่ะปอดชื้น1.ไอมีเสมหะ2.ท้องอืด3.อ่อนเพลียง่าย4.ขับถ่ายเหลว5.มีเสมหะในลำคอ6.จุกแน่นหน้าอกมารู้จักปอดชื้นกันค่ะ หลายคนไม่รู้จัก แต่หลายคนมีอาการเช่นนี้ ไอแบบมีเสมหะ เสมหะค่อนข้างมาก มีอาการอ่อนเพลียง่าย ขับถ่ายเหลวบ้างเสหมะจุกในลำคอ จุกแน่นหน้าอก คนที่มีอาการแบบนี้ อาจจะมีโรคกรดไหลย้อน ผสมด้วย คนที่อายุมาก จะเป็นแบบนี้บ่อยค่ะแพทย์แผนจีนแนะนำ แปะฮะ ลูกเดือย ขมิ้นชัน จะช่วยแก้ไอ และขับความชื้นทั้งในปอด ช่วยขับความชื้นของกระเพาะอาหารได้ด้วยไอจากเสมหะร้อน1.ไอมีเสมหะเหนียว2.หายใจแรง มีเสียงดังวี๊ดๆ3.ไอแล้วเจ็บหน้าอก4.ใบหน้าแดงกล่ำ5.คอแห้ง ปากแห้ง6.จุกแน่นหน้าอก7.สีเสมหะ เหลือง ๆ เหนียว ๆปัญหาจากเสมหะร้อนในปอด คนป่วยมักจะมีอาการไอเสมหะเหนียว บางคนมีเสียงเสมหะในปอด ไอแล้วชอบเจ็บหน้าอก หน้าแดงเป็นประจำจุกคอ ปากแห้งแน่นหน้าอกแพทย์แผนจีนแนะนำ ยาสมุนไพรจีนที่ช่วยขับเสมหะร้อน เข่น เก๊กฮวย ใบสาระแหน่ ลูกสำรอง เพิ่มความชุ่มชื้นในปอด ลดอาการไอได้ดีค่ะไอเพราะไฟในตับเผาน้ำในปอด1.ไอโครก ไอเสียงดัง2.มีเลือดปน3.โมโหง่าย4.ปวดเสียดสีข้าง5.คอแห้งปากขม6.มีความดันสูง7.ถอนหายใจบ่อย ๆไอโครก ไอเสียงดีง มาจากน้ำในปอดแห้ง เพราะไฟในตับเผา ส่วนใหญ่ จะเป็นคนขี้โมโห ความดันสูง ปากแห้ง ปากขม และถอนหายใจบ่อย ๆ ค่ะแพทย์แผนจีนแนะนำ แปะฮะ ชาใบหม่อน ชาเก๊กฮวย ลดอาการไอ ลดความดันนอกจาก ไอ เลิฟ ยู ที่บอกอาการรัก การไอแบบอื่น ๆ ก็ยังบอกอาการโรคได้เหมือนกัน อย่าลืมสังเกตอาการ ดูแลตัวเองและคนที่คุณรักด้วยนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก Green Wave ค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะFacebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม- Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover -

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

31 ส.ค. 2022

เช็คลิสต์เลย! ขี้ลืมเฉย ๆ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม?

ทุกครั้งที่ปิดประตูบ้านจะเกิดคำถามว่า … เอากุญแจออกมารึยังนะ ?พอลงจากรถ จะเกิดคำถามว่า ล็อกรถรึยังนะ?เวลานั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน สักพัก…จะถามตัวเองว่า เมื่อกี้จะพูดว่าอะไรนะ?ลืมนั่น! ลืมนี่! ลืมไม่ไหว! อาการขี้หลงขี้ลืมในเรื่องเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่เยอะ ถือว่ายังไม่เป็นโรคสมองเสื่อมค่ะ แต่อย่างไรก็ตามควรรู้สาเหตุและรีบแก้ไข เพราะอาจจะส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้ซึ่งสาเหตุมีดังนี้ค่ะ1. เกิดจากการนอนไม่เพียงพอ 6-8 ชม.ต่อวัน ทำให้เกิดอาการมึนหัว ตาไม่สว่าง สมองไม่ปลอดโปร่ง2. เหนื่อยสะสม ทำงานติดต่อกันโดยไม่ได้พักผ่อน3. ความเครียด เวลาเราอยู่ในภาวะเครียด เราเองจะลืมบทสนทนาไปโดยฉับพลันได้4. โรคซึมเศร้า เพราะความปกติของสารในสมองมีผลต่อความจำและความคิดได้เช่นกัน และเมื่อเป็นซึมเศร้าจะ ทำให้ความสนใจในเหตุการณ์ปัจจุบันนั้นลดต่ำลง5. ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นปัญหาของวัยรุ่น Productive ที่ต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่าง คิดอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ทำให้ไม่มีสมาธิและโฟกัสเท่าที่ควร6. ไม่ออกกำลังกาย อาจจะมีผลทางอ้อม คือร่างกายไม่ค่อยได้รับออกซิเจน ทำให้สมองไม่ได้รับออกซิเจนไปด้วย7. การกินยาบางชนิด ยาในกลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) ยากลุ่มนี้จะเข้าไปขัดการทำงานของสารสื่อประสาทด้านความจำ *ในกรณีนี้หากเกี่ยวกับยาที่จำเป็นต้องทาน เมื่อเกิดอาการหลงลืมจนกระทบกับชีวิตประจำวัน แอดแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาค่ะ เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องหากเราไม่ได้มีพฤติกรรม 7 อย่างข้างบน แล้วยังมีอาการหลงลืมล่ะ?ภาพจาก : freepik.comงั้นมาสังเกตกันค่ะ ว่าอาการเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย มีอะไรบ้าง1. ลืม วัน เดือน ปี ลืมนัดสำคัญหรือบางคนถึงขั้นลืมวันเกิดตัวเอง2. บุคลิกภาพเปลี่ยน เช่น พูดไม่ได้ใจความ บางครั้งพูดติด ๆ ขัด ๆ หรือพูดซ้ำ ๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคนรอบข้างถดถอยลง3. การตัดสินใจแย่ลง การตัดสินใจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ4. มักเกิดความผิดพลาดในการกะระยะ การบอกสี ซึ่งเป็นปัญหามากถ้าผู้ป่วยต้องขับรถ5. ภาวะเครียด ซึมเศร้า แยกตัวออกจากสังคม6. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ กระวนกระวาย ย้ำคิดย้ำทำ หากคุณเริ่มมีอาการข้างต้นนี้ แอดแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาค่ะ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ที่ยังมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องของการงาน และการเข้าสังคม หากปล่อยไว้อาจกระทบกับชีวิตประจำวันระยะยาวได้นะคะส่วนถ้ามีอาการหลงลืมเล็ก ๆ น้อย ๆ แนะนำให้ปรับพฤติกรรม นอนหลับให้เพียงพอ 6-8 ชม.และลดความเครียด พักทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เช่นวาดรูป ร้องเพลง หรือการฟังเพลงที่ Green Wave 106.5 FM ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้นะคะที่มา https://bit.ly/3C8hmo8ที่มา https://www.mangozero.com/forgetfulness-in-teens/

สูตรลับความงามดั่งไทเฮา

17 เม.ย. 2023

สูตรลับความงามดั่งไทเฮา

ช่วงนี้แอดมินดูซีรี่จีนเห็นไทเฮาสวย ผิวดี จริงๆมีสูตรลับค่ะ ประวัติอันยาวนานกว่า 2000 ปี ของการแพทย์แผนจีนมีบันทึกถึงการรับประทานอาหารเพื่อความงาม ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในวังหลวง และแพร่กระจายมาสู่สามัญชนวันนี้ขอนำเคล็ดลับความงามสองพันปีมาบอกต่อ เพื่อให้สาวไทยได้งามสะพรั่งดั่งไทเฮา ฮองเฮา แห่งพระราชวังต้องห้ามกันเลยค่ะอาหารที่ช่วยเรื่องความสวยความงามประกอบด้วย1.พุทราแดง พุทราแดงมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น สรรพคุณบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร บำรุงเลือด ช่วยเรื่องการนอน ในทางวิทยาศาสตร์พุทราแดงยังประกอบไปด้วยวิตามินมากมาย เช่น วิตามินเอ บำรุงสายตา วิตามินซีช่วยให้ผิวขาว มีแคลเซียมป้องกันโรคกระดุกพรุน และธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด ตามสุภาษิตจีนที่ว่า "พุทรา3 ลูก หน้าอ่อนลง 3 ปี" พุทราจีน ยังเหมาะกับผู้หญิงที่กลัวหนาว และเหนื่อยง่ายด้วยนะคะ2.ลำไยแห้ง ลำไยแห้งมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น ช่วยเรื่องหัวใจและบำรุงม้ามรักษาโรคเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ลืมง่าย ใจสั่นลำไยแห้งยังช่วยชะลอความแก่ มากไปกว่านั้นยังอุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน น้ำตาล และสารต่อต้านเซลล์มะเร็งในมดลูก เหมาะสำหรับผู้หญิงวัยทอง ใจร้อน หงุดหงิดง่าย เหงื่อออกง่าย หรือผู้หญิงที่คลอดบุตร/อยู่ไฟค่ะ3.เก๋ากี้ เก๋ากี้มีรสหวาน สรรพคุณรักษาตับทำให้ปอดชุ่มชื้น บำรุงร่างกาย ลดความร้อนและทำให้ตาสว่าง ผลจากการวิจัยพบว่าน้ำตาลในเก๋ากี้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ชะลอความแก่ ต่อต้านเซลล์มะเร็ง ขจัดอนุมูลอิสระ และลดความอ่อนเพลียของร่างกายได้เช่นกัน4.แครอท แครอทมีรสหวาน มีฤทธิ์อุ่น สรรพคุณบำรุงตับทำให้ตาสว่าง ลดความร้อน และแก้พิษ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "โสมดิน" ทั้งอุดมไปด้วยวิตามินเอและสารแคโรทีนบำรุงสายตา แครอทยังช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค มีฤทธิ์ขับเหงื่อได้เล็กน้อย ทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึมให้ร่างกายและการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น มีผลทำให้ผิวนุ่มลื่น แลดูสุขภาพดี นอกจากนี้แครอทยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง5.รากบัว รากบัวมีรสหวาน ฤทธิ์เย็น สรรพคุณลดความร้อน เพิ่มน้ำให้ร่างกาย ทำให้เลือดเย็น ช่วยหยุดเลือด ขับพิษ แต่หากทำสุกจะช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รากบัวอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดต วิตามินซี และบีหนึ่ง ยังมีโพแทสเซียม แคลเซียม และธาติเหล็ก เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน หากทานรากบัวบ่อยๆ ยังช่วยให้ใบหน้าและสีผิวดูมีน้ำมีนวล ขาวอมชมพู และลดสิวที่อยู่บนใบหน้าได้ด้วยนะคะ6.ว่านหางจระเข้ (ใช้พอกหน้า) ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณทางยามากมาย ในทางวิทยาศาสตร์ ตัวว่านอุดมไปด้วย วิตามิน อี ช่วยบำรุงผิว วิตามินซี ทำให้ผิวขาว วิตามินเอ และวิตามินบี ที่ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนต่อวัย สาร Polysaccharide ในว่านหางจระเข้ ยังช่วยเพิ่มให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ขจัดจุดด่างดำป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต ชะลอความแก่ และทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ของใกลัตัวหลายอย่าง ช่วยให้สาวๆ 'เป๊ะ' ได้ไม่ยาก แถมราคาไม่แพง ใครสนใจลองเอาเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ เราจะสวย สุขภาพดีไปด้วยกันค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1